นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหารระดับกระทรวงได้กำชับให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่างๆ วางมาตรการความปลอดภัยของผู้ป่วย, ญาติ และเจ้าหน้าที่ ขณะนำส่งผู้ป่วยเข้าทำการรักษา
สธ. ได้มอบนโยบายให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องทำประกันภัยรถพยาบาลชั้น 1 ภาคสมัครใจ และเพิ่มวงเงินประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารหากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร เป็นคนละ 2 ล้านบาท จำนวนสูงสุด 7 ที่นั่ง ส่วนรถพยาบาลคันที่หมดอายุประกันภัยฉบับเดิมพอดี ให้ต่อประกันภัยฉบับใหม่กับบริษัทประกันภัยที่มีข้อตกลงร่วมกัน 4 บริษัท
นอกจากนี้ยังมีมาตรการให้พนักงานขับรถพยาบาลต้องผ่าน หลักสูตรฝึกอบรมของกระทรวงสาธารณสุข และตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง รวมถึงจำกัดความเร็วในการขับรถให้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และห้ามขับฝ่าไฟแดงเป็นอันขาดด้วย
“เราได้กำชับให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่ง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุของรถพยาบาล โดยพนักงานขับรถพยาบาลต้องผ่านการอบรมหลักสูตรฝึกอบรมของกระทรวงสาธารณสุข และตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง จำกัดความเร็วของรถพยาบาลไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง”
“ขณะเดียวกัน ในรถต้องมีผู้โดยสารรวมพนักงานขับทั้งหมดไม่เกิน 7 คน โดยทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย รถพยาบาลทุกคันต้องติดตั้งอุปกรณ์จีพีเอส และกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ห้ามขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงทุกกรณี และให้คำนึงถึงเวลาทำงานที่เหมาะสมของบุคลากรสาธารณสุข”
“ส่วนกรณีมีข่าวกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและเข้ามาทำร้ายกันในโรงพยาบาล สธ. จึงขอให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉิน จัดระบบการเข้า-ออก มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างสะดวก ผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว รวมทั้งประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องปราม ระงับเหตุ และดำเนินคดีกับกลุ่มที่มาก่อเหตุทะเลาะวิวาทในพื้นที่โรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข” นายแพทย์ประพนธ์กล่าว
