ใคร ๆ ก็รู้ว่าอากาศเมืองไทยมันร้อนสุด ๆ แสงแดดก็รุนแรง เรียกได้ว่า ร้อนตับแตกกันเลยทีเดียว มันคงจะไม่ดีนักหากคุณต้องขับขี่หรือจอดรถยนต์ตากแดดเป็นเวลานาน เพราะมันคงร้อนจนแทบบ้า และถ้าหากเป็นรถยนต์ที่ไม่ติดฟิล์มกรองแสงด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยจ้า คงจะต้องมีเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน

วันนี้เราจึงหยิบเอาข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง เช่น ฟิล์มดำ ฟิล์มปรอท ฟิล์มใส เป็นต้น มาฝากกันว่าแดดแรงขนาดนี้ติดฟิล์มกรองแสงแบบไหนดีที่สุดไปดูกันเลยจ้า
– ประเภทของฟิล์มกรองแสง
1. ฟิล์มดำ
เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมของปรอทค่อนข้างน้อย หรือบางทีอาจจะไม่มีส่วนผสมของปรอทเลย แต่จะมีส่วนผสมชนิดอื่นแทนเช่นเซรามิกส์ แน่นอนว่ามาพร้อมกับราคาที่ค่อนข้างแพงตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลายหมื่นบาท
จุดเด่นของฟิล์มดำก็คือจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้รถยนต์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากภายนอกตัวรถจะไม่สามารถมองเห็นภายในตัวรถได้ การเลือกฟิล์มดำที่มีความเข้มมากเท่าไหร่ก็จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากเท่านั้นและช่วยป้องกันความร้อนได้อีกด้วย แต่แน่นอนว่าเมื่อความเข้มเพิ่มขึ้นทัศนวิสัยที่มองออกไปนอกตัวรถก็ลำบากมากขึ้น เมื่อต้องขับขี่รถยนต์ในเวลากลางคืน
2. ฟิล์มปรอท
เป็นฟิล์มกรองแสงที่ช่วยป้องกันความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มดำ เพราะมีการสะท้อนความร้อนได้กว่า ความแตกต่างระกว่างฟิล์มปรอทและฟิล์มดำก็คือ ความแวววาวของตัวฟิลมนั่นเอง เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเลือกฟิล์มปรอทที่มีความเข้มสูงกว่าฟิล์มดำ เพราะมันจะทำให้ลำบากในการขับขี่ช่วงกลางคืน แต่อย่างไรก็ตามฟิล์มปรอทจะมีแสงสะท้อนภายในตัวรถมากกว่าฟิล์มดำ
3. ฟิล์มกรองแสงแบบฟิล์มใส
สำหรับฟิล์มใสนั้นแท้จริงแล้วมีสารพิเศษที่ช่วยป้องกันความร้อนได้เทียบเท่ากับฟิล์มประเภทอื่นๆ แต่ยังคงความใสเอาไว้ จุดประสงค์ของฟิล์มใสก็คือ จะทำให้ภายนอกมองเห็นภายในตัวรถยนต์ได้นั่นเอง ทางด้านของราคาก็จะสูงอยู่สักหน่อยและมีให้เลือกใช้เพียงบางรุ่นเท่านั้น
ข้อมูลข้างต้นช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์สามารถเลือกได้ว่าฟิล์มกรองแสงแบบใดเหมาะกับการใช้งานของตนเองและช่วยป้องกันแสงแดดได้ดีที่สุด ใครที่คิดว่าฟิล์มกรองแสงไม่สำคัญ บอกเลยว่าคิดผิดจ้า เพราะถ้าหากไม่มีฟิล์มกรองแสงก็จะทำให้เกิดความร้อนภายในตัวรถยนต์ได้ง่าย และอาจสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์บางชนิดในตัวรถ และทำให้อุณหภูมิภายในตัวรถร้อนกว่าปกติ แน่นอนว่าไม่ส่งผลดี
#F1rumors #Car #Bigbike #Motorsport #ฟิล์มกรองแสง