ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้มีบัญญัติว่ารถที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี โดยนับตั้งแต่วันจดทะเบียนครั้งแรกจนถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี เช่น หากรถเก๋งของคุณจดทะเบียนปี พ.ศ.2565 เมื่อครบ 7 ปี จะต้องเข้ารับตรวจสภาพรถปี พ.ศ.2572 ทั้งนี้การตรวจสภาพรถก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่น และสภาพแวดล้อมด้วย

ขอบคุณภาพประกอบจาก : autospinn.com
ซึ่งรถที่นำมาใช้บนท้องถนน ต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง โดยรถที่ต้องตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปีนั้น ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป , รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คนที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป , รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป
– สิ่งที่ต้องเตรียมในการตรวจสภาพรถยนต์

ขอบคุณภาพประกอบจาก : insurefriend.co.th
รถยนต์ที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนในทุกวันนี้จะมีอายุทะเบียนที่อนุญาตเพียง 1 ปี เท่านั้น ซึ่งเมื่อครบรอบจะต้องไปยื่นชำระค่าภาษีเป็นประจำปีทุกๆ ปี หรือที่เรียกว่าต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ซึ่งถือเป็นระเบียบของกรมการขนส่งทางบก รถยนต์ที่จะนำไปตรวจสภาพจะต้องเป็นรถยนต์ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป
สำหรับคนที่เพิ่งมีรถอายุใช้งานครบตามที่กำหนดอาจจะสงสัยว่าสิ่งที่ต้องเตรียมในการตรวจสภาพรถยนต์ คือ สมุดทะเบียนรถยนต์ ( สำหรับผู้ที่เอารถเข้าไฟแนนซ์อยู่ หรือรถที่กำลังผ่อนอยู่ ) จะไม่มีสมุดทะเบียนรถยนต์ก็สามารถนำสำเนาทะเบียนรถใช้ในการตรวจสภาพรถได้ และรถยนต์ที่ต้องการนำไปตรวจสภาพ โดยค่าตรวจสภาพจักรยานยนต์คิดคันละ 60 บาท , รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท , รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 บาท กิโลกรัม คันละ 300 บาท
– การตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้น

ขอบคุณภาพประกอบจาก : tnews.co.th
ในการตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้น จะต้องมีการตรวจสอบให้ตรงกับข้อมูลในคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ของรถยนต์คันนั้น และตรวจสอบตัวรถยนต์
1. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรถ เช่น แผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะรถ หมายเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์
2. ตรวจสภาพของตัวรถ ตัวถัง สี อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยว่าพร้อมใช้งานมากน้อยเพียงใด เช่น พวงมาลัย ที่ปัดน้ำฝน เป็นต้น
3. ตรวจสอบการทำงานของระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ว่าสามารถงานได้ปกติหรือไม่
4. ทดสอบการทำงานและประสิทธิภาพของระบบเบรกทุกชิ้น ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
5. ตรวจสอบวัดโคมไฟหน้า ทิศทางการเบี่ยงเบนของแสง และวัดค่าความเข้มของแสง
6. ตรวจสอบวัดค่า CO ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ HC ก๊าซไฮโดรคาร์บอน สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง
7. การตรวจวัดเสียงรถต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
8. รถยนต์เครื่องดีเซล ต้องตรวจควันดำ ระบบการกรองต้องไม่เกินร้อยละ 50 และระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 45
9. รถยนต์ที่ติดแก๊ส ต้องมีการตรวจ ทดสอบ เช็คตามข้อ ตลอดจนท่อและอุปกรณ์แก๊สทั้งระบบว่าสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยถังแก๊สต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี แต่หากถังแก๊สมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี จะต้องตรวจสอบ พิจารณาความพร้อมของอุปกรณ์ติดตั้งว่ายังสมบูรณ์พร้อมใช้งานต่อได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากตรวจสอบแล้วจะมีการออกใบรับรองเพื่อยืดอายุการใช้งานต่อได้อีก 5 ปีตามกฎหมาย
#รถออกใหม่ #รถพลังงานไฟฟ้า #รถEV #รถบิ๊กไบค์ #Trip&Trick #ทำไมต้องตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษี